top of page

โซลูชั่นเพื่อความกระชับและอ่อนเยาว์: ทำความเข้าใจหัตถการกับโครงสร้างชั้นผิว

Updated: Oct 21

การตัดสินใจเลือกเทคโนโลยียกกระชับผิวที่เหมาะสมที่สุด ไม่ได้ขึ้นอยู่กับชื่อเสียงของเครื่องมือเท่านั้น แต่ขึ้นอยู่กับความเข้าใจว่า ปัญหาความหย่อนคล้อยของคุณเกิดขึ้นที่ชั้นผิวหนังใด และเทคโนโลยีใดที่สามารถส่งพลังงานลงไปแก้ไขปัญหานั้นได้อย่างแม่นยำ


1. เรื่องของชั้นผิว: ต้นตอของปัญหาผิวที่คุณต้องรู้


ผิวหนังของคนเราแบ่งออกเป็น 3 ชั้นหลัก ๆ ซึ่งแต่ละชั้นมีหน้าที่และเกิดปัญหาที่แตกต่างกัน

ชั้นผิวหนัง (Layer)

หน้าที่หลัก

ปัญหาความหย่อนคล้อยที่พบ

1. หนังกำพร้า (Epidermis)

ปราการด่านแรก ป้องกันสิ่งแวดล้อม และรักษาความชุ่มชื้น

ผิวแห้ง, ลอกเป็นขุย, ฝ้า กระ จุดด่างดำ

2. หนังแท้ (Dermis)

ศูนย์กลางของความแข็งแรงและความยืดหยุ่น ผลิตคอลลาเจนและอีลาสติน

ริ้วรอยเล็กๆ, รูขุมขนกว้าง, ผิวขาดความแน่นและตึงกระชับ

3. ชั้นไขมัน (Hypodermis / Subcutis)

ให้ความอบอุ่น ลดแรงกระแทก และเป็นแหล่งพลังงาน

เซลลูไลท์, ใบหน้าอ้วน, เหนียงใต้คาง (เกิดจากไขมันสะสม)

ชั้น SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System)

ชั้นเนื้อเยื่อที่อยู่ลึกกว่าไขมัน เป็นชั้นกล้ามเนื้อที่ยึดผิวหน้าไว้

ผิวหย่อนคล้อยมาก, ร่องแก้มลึก, ร่องน้ำหมาก, กรอบหน้าไม่คมชัด

2. เปรียบเทียบเทคโนโลยียกกระชับ 5 ตัวท็อป: เจาะลึกถึงชั้นผิว


เครื่องมือยกกระชับผิวส่วนใหญ่จะใช้พลังงานความร้อน (45°C–70°C) เพื่อกระตุ้นการหดตัวของคอลลาเจนเดิมและสร้างคอลลาเจนใหม่ในระยะยาว สิ่งที่แตกต่างกันคือ ประเภทพลังงาน และ ความลึก ที่สามารถลงไปได้

เครื่องมือ (ยี่ห้อ)

เทคโนโลยีหลัก

ชั้นผิวที่ส่งผลลัพธ์

ระยะเวลาเห็นผล

ระยะเวลาที่ผลลัพธ์คงอยู่/ทำซ้ำ

Downtime

Thermage FLX

Monopolar RF with AccuREP™ (Real-time Energy Precision)

หนังแท้, ชั้นไขมัน

เห็นผล 20% ทันที, ชัดเจน 2–6 เดือน

1–2 ปี

ไม่มี/น้อยมาก

Oligio

Monopolar RF

หนังแท้, ชั้นไขมัน (ลึก 4.3 mm)

เห็นผลหลังทำต่อเนื่อง

6–12 เดือน  (ทำบ่อยกว่า)

ไม่มี/น้อยมาก

Ulthera SPT

Focused Ultrasound with DeepSEE™ Visualization

ชั้น SMAS

ค่อยๆ ดีขึ้น เห็นผลชัดเจนในช่วง 2–3 เดือน

1–2 ปี

ไม่มี/น้อยมาก

HIFU (Ultraformer III)

Focused Ultrasound

ชั้น SMAS (เช่นเดียวกับ Ulthera)

ค่อยๆ เห็นผล (2–3 เดือน)

6–12 เดือน (ขึ้นอยู่กับเครื่องมือ)

ไม่มี/น้อยมาก

Sofwave

SUPERB™ Ultrasound

Mid-Dermis (หนังแท้ตอนกลาง)

ค่อยๆ ดีขึ้น เห็นผลชัดเจนในช่วง 2–3 เดือน

6–12 เดือน

ไม่มี/น้อยมาก

เทคโนโลยียกกระชับ 5 ตัวท็อป
เทคโนโลยียกกระชับ 5 ตัวท็อป

การส่งผลต่อชั้นผิวโดยละเอียด (Detailed Skin Layer Effects)


Detailed Skin Layer Effects by technology
Detailed Skin Layer Effects by technology

1. ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis)

  • Thermage, Oligio, Ulthera, HIFU, Sofwave: ทั้ง 5 เครื่อง "ข้ามผ่าน" (Bypass) ชั้นนี้ไปครับ พลังงานจะถูกส่งลงไปชั้นล่างโดยไม่ทำลายผิวชั้นบน จึงไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น (No Downtime)


2. ชั้นหนังแท้ (Dermis) - ชั้นคอลลาเจนและอีลาสติน

  • Thermage และ Oligio: นี่คือ "เป้าหมายหลัก" ของเครื่องกลุ่ม Monopolar RF พลังงานความร้อน (RF) จะแผ่เป็นก้อน (Bulk Heating) ลงไปทั่วทั้งชั้นหนังแท้ เพื่อกระตุ้นการจัดเรียงตัวและการสร้างคอลลาเจนใหม่ (Neocollagenesis) ทำให้ผิวแน่นและหนาตัวขึ้น

  • Sofwave: นี่คือ "เป้าหมายหลัก" เช่นกัน โดยพลังงาน SUPERB™ (Synchronous Ultrasound Parallel Beam) จะเน้นที่ความลึก 1.5 mm (ชั้นหนังแท้ส่วนกลาง หรือ Mid-Dermis) เพื่อสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่โดยเฉพาะ จึงเด่นเรื่องการลดริ้วรอย

  • Ulthera และ HIFU: แม้เป้าหมายหลักจะลึกกว่า แต่ก็มีหัวยิงที่ความลึก 3.0 mm ซึ่งส่งผลต่อชั้นหนังแท้ส่วนลึก (Deep Dermis) ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนได้เช่นกัน (แต่เป็นผลรองจากการยกชั้น SMAS)


3. ชั้นไขมัน (Hypodermis / Subcutis)

  • Thermage และ Oligio: พลังงาน RF สามารถลงไปถึงชั้นไขมันได้ และมีความสามารถในการ "สลายไขมัน" (Lipo-reduction) เล็กน้อย จึงเหมาะกับคนที่มีไขมันบริเวณแก้มหรือเหนียง

  • Ulthera และ HIFU: พลังงานจะพุ่งผ่านชั้นไขมันไปเป็นจุดๆ (Focused) เพื่อไปที่ชั้น SMAS โดยทั่วไปจะไม่เน้นสลายไขมัน (ยกเว้น HIFU บางยี่ห้อที่มีหัวยิงสลายไขมันโดยเฉพาะ) หากยิงผิดพลาดในคนไขมันน้อย พลังงานอาจทำให้ไขมันฝ่อ (Lipo-atrophy) หรือแก้มตอบได้

  • Sofwave: พลังงานตื้นเพียง 1.5 mm ไม่ลงถึงชั้นไขมัน จึงปลอดภัยสำหรับคนที่กลัวแก้มตอบ


4. ชั้น SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System)

  • Ulthera และ HIFU: นี่คือ "เป้าหมายหลัก" และ "จุดเด่นที่สุด" ของเครื่องกลุ่มนี้ พลังงาน Focused Ultrasound สามารถลงลึกถึง 4.5 mm ซึ่งเป็นชั้น SMAS ได้อย่างแม่นยำ ทำให้เกิดจุดความร้อนเล็กๆ (Thermal Coagulation Points) ทำให้ชั้น SMAS หดตัวและยกกระชับขึ้น เปรียบเหมือนการเย็บผิวจากด้านใน

  • Thermage, Oligio, และ Sofwave: พลังงาน ลงไปไม่ถึง ชั้น SMAS ครับ เครื่องเหล่านี้จะเน้นการทำงานที่ชั้นหนังแท้ (Dermis) เป็นหลัก


การเปรียบเทียบผลลัพธ์ที่คาดหวังได้ (Expected Results)


แต่ละเครื่องมีจุดเด่นในการแก้ปัญหาที่แตกต่างกัน ดังนี้ครับ


  • Thermage FLX

    • ผลลัพธ์หลัก: เน้นเรื่อง "ผิวแน่น" (Tightening) และ "กระชับ" (Firming) ทั่วทั้งใบหน้า

    • เหมาะกับใคร: คนที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยไม่มาก แต่ผิวหลวม ผิวไม่เฟิร์ม หรือมีไขมันสะสม (เช่น เหนียง แก้ม) Thermage จะช่วยสลายไขมันส่วนเกินเล็กน้อยและกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ ทำให้ผิวดูแน่นขึ้น กรอบหน้าชัดขึ้น และริ้วรอยเล็กๆ ดูตื้นขึ้น


  • Oligio

    • ผลลัพธ์หลัก: คล้ายกับ Thermage คือ "ผิวแน่น" และ "กระชับ" รวมถึงช่วยเรื่องรูขุมขน

    • เหมาะกับใคร: เป็นเทคโนโลยี Monopolar RF ที่คล้าย Thermage มาก (มักถูกเรียกว่า "เทอร์มาจเกาหลี") ให้ผลลัพธ์ใกล้เคียงกันคือผิวแน่นขึ้น คุณภาพผิวดีขึ้น ผลลัพธ์อาจอยู่ได้สั้นกว่า Thermage เล็กน้อย (6-12 เดือน เทียบกับ 1-2 ปี)


  • Ulthera SPT

    • ผลลัพธ์หลัก: เน้นเรื่อง "การยก" (Lifting) แบบดึงขึ้น

    • เหมาะกับใคร: คนที่มีปัญหาความหย่อนคล้อยชัดเจน ผิวตก แก้มห้อย ร่องแก้มลึก หรือต้องการยกคิ้วและหางตา เนื่องจาก Ulthera เป็นเครื่องเดียวที่ยิงพลังงานได้ลึกถึงชั้น SMAS (ชั้นพังผืดที่ใช้ผ่าตัดดึงหน้า) ผลลัพธ์ที่ได้จึงเป็นการ "ยก" โครงสร้างผิวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด


  • HIFU

    • ผลลัพธ์หลัก: "การยก" (Lifting) คล้าย Ulthera

    • เหมาะกับใคร: เป็นเทคโนโลยี Focused Ultrasound เช่นเดียวกับ Ulthera และยิงได้ถึงชั้น SMAS เหมือนกัน จึงให้ผลลัพธ์ด้านการ "ยก" ที่คล้ายกัน แต่ผลลัพธ์มักจะอยู่ได้สั้นกว่า Ulthera และอาจต้องทำบ่อยกว่า


  • Sofwave

    • ผลลัพธ์หลัก: เน้น "คุณภาพผิว" และ "ริ้วรอย" (Skin Quality & Wrinkles) ในชั้นหนังแท้

    • เหมาะกับใคร: คนที่กังวลเรื่องริ้วรอยตื้นๆ ผิวไม่เรียบเนียน หรือผิวขาดความยืดหยุ่น (Elastin) โดยเฉพาะบริเวณคอและรอบดวงตา พลังงานของ Sofwave จะเน้นที่ชั้นหนังแท้ส่วนกลาง (Mid-Dermis) เพื่อสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ ผลลัพธ์คือผิวที่ดูฟูขึ้นและริ้วรอยลดลง


การเปรียบเทียบความเจ็บ (Detailed Pain Comparison)


ความรู้สึกเจ็บของแต่ละเครื่องมีลักษณะเฉพาะตัว ดังนี้ครับ


  • Thermage FLX: ความรู้สึกเจ็บจะเป็นแบบ "ร้อนลึก" แผ่เป็นวงกว้างใต้ผิว แม้จะมีความร้อนสะสม แต่เครื่องมีระบบสั่น (Vibration) และระบบพ่นความเย็น (Cooling) ที่ช่วย "หลอก" ปราสาทรับความรู้สึก ทำให้ความเจ็บทนได้ง่ายขึ้นมาก


  • Oligio: ความรู้สึก "ร้อน" คล้าย Thermage แต่เจ็บน้อยกว่า ทำให้เหมาะสำหรับคนที่กลัวเจ็บ แต่ก็อาจแลกมาด้วยผลลัพธ์ที่อยู่ได้สั้นกว่า


  • Ulthera SPT: มักถูกจัดว่า เจ็บที่สุด ในกลุ่มนี้ ลักษณะความเจ็บจะเป็นแบบ "ปวดลึกๆ" หรือ "แปล๊บๆ เหมือนเข็มทิ่มลึก" โดยเฉพาะบริเวณแนวกรามและโหนกแก้ม เนื่องจากพลังงานลงลึกถึงชั้น SMAS ที่อยู่ใกล้กระดูก (แม้ว่ารุ่น SPT จะช่วยลดความเจ็บลงกว่ารุ่นเก่าแล้วก็ตาม)


  • HIFU (Ultraformer III): ความรู้สึกคล้าย Ulthera (ปวดลึกๆ) แต่โดยทั่วไป ความเจ็บจะน้อยกว่า Ulthera


  • Sofwave: ความรู้สึกจะเป็น "ความร้อนที่ผิวชั้นกลาง" ไม่ลึกเท่า Ulthera หรือ Thermage ความเจ็บอยู่ในระดับปานกลางและทนได้ง่าย โดยทั่วไปจะมีการทายาชาก่อนทำ

3. ข้อเท็จจริงที่ต้องรู้: แพงกว่าไม่ได้แปลว่าดีกว่า


3.1 ความเสี่ยงจากการใช้พลังงานเกิน (Burn Risk)


การทำหัตถการยกกระชับด้วยความร้อนทุกชนิด (RF หรือ Ultrasound) ต้องอาศัยความแม่นยำสูง การยิงช็อต (Shots) ที่มากเกินความจำเป็นหรือการตั้งค่าพลังงานที่ไม่เหมาะสมอาจก่อให้เกิดผลเสียร้ายแรงได้


  • ความเสี่ยงหลัก: การสะสมความร้อนที่มากเกินไปในชั้นผิวหนังอาจนำไปสู่การ เกิดรอยไหม้ (Skin Burn) หรือ ผิวหนังเสียหายอย่างถาวร ได้

  • ทางออก: การมีระบบ Real-time Visualization (เช่นใน Ulthera) ช่วยให้แพทย์มองเห็นชั้นผิวขณะยิงเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความแม่นยำในการส่งพลังงานสู่ชั้น SMAS


3.2 ความคุ้มค่าคือความเหมาะสม (The Right Tool for the Job)


การเลือกหัตถการที่ 'แพงกว่า' ไม่ได้แปลว่า 'ดีกว่า' เสมอไป เพราะหากเทคโนโลยีนั้นไม่ตรงกับปัญหาหลักของผิวคุณ ก็อาจเป็นการจ่ายเงินที่สูญเปล่า


  • ตัวอย่าง: หากปัญหาหลักของคุณคือ ผิวหย่อนคล้อยน้อยและมีไขมันสะสมเยอะ การเลือก Thermage FLX (RF ที่ช่วยสลายไขมัน) อาจให้ผลลัพธ์ที่ตรงจุดและคุ้มค่ากว่าการเลือก Ulthera (Ultrasound ที่เน้นยกกระชับชั้น SMAS)

  • ความเจ็บ: Oligio อาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า Thermage สำหรับคนที่กลัวเจ็บ แม้ว่าผลลัพธ์อาจจะอยู่ได้สั้นกว่า แต่หากมีเวลาเข้าคลินิกบ่อย ๆ ก็คุ้มค่า

4. บทสรุป: ปรึกษาแพทย์เพื่อความแม่นยำสูงสุด


เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและคุ้มค่าที่สุด แพทย์จะต้องประเมิน:


  1. สภาพผิวและความหย่อนคล้อยของคุณ: ปัญหาหลักเกิดที่ชั้นผิวใด (Dermis, ไขมัน, หรือ SMAS)

  2. ความหนาของชั้นไขมัน: เพื่อเลือกเทคโนโลยีที่สามารถส่งพลังงานผ่านชั้นไขมันไปถึงชั้นเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ

  3. เทคโนโลยีและปริมาณช็อตที่เหมาะสม: เพื่อไม่ให้เกิดการสะสมพลังงานที่มากเกินความจำเป็น


ที่ ADORA Clinic เราเน้นย้ำถึงการประเมินอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจเลือกทำหัตถการ เพื่อให้มั่นใจว่าทุกการลงทุนของคุณนำไปสู่ผลลัพธ์ที่สวยงาม ปลอดภัย และยั่งยืนที่สุดครับ


สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Line Official: @adora_clinic หรือโทร 080-8882656

 
 
 

Comments


bottom of page