top of page

โซลูชั่นเพื่อความกระชับและอ่อนเยาว์: ทำความเข้าใจหัตถการกับโครงสร้างชั้นผิว

การตัดสินใจเลือกเทคโนโลยียกกระชับผิวที่เหมาะสมที่สุด ไม่ได้ขึ้นอยู่กับชื่อเสียงของเครื่องมือเท่านั้น แต่ขึ้นอยู่กับความเข้าใจว่า ปัญหาความหย่อนคล้อยของคุณเกิดขึ้นที่ชั้นผิวหนังใด และเทคโนโลยีใดที่สามารถส่งพลังงานลงไปแก้ไขปัญหานั้นได้อย่างแม่นยำ


1. เรื่องของชั้นผิว: ต้นตอของปัญหาผิวที่คุณต้องรู้


ผิวหนังของคนเราแบ่งออกเป็น 3 ชั้นหลัก ๆ ซึ่งแต่ละชั้นมีหน้าที่และเกิดปัญหาที่แตกต่างกัน

ชั้นผิวหนัง (Layer)

หน้าที่หลัก

ปัญหาความหย่อนคล้อยที่พบ

1. หนังกำพร้า (Epidermis)

ปราการด่านแรก ป้องกันสิ่งแวดล้อม และรักษาความชุ่มชื้น

ผิวแห้ง, ลอกเป็นขุย, ฝ้า กระ จุดด่างดำ

2. หนังแท้ (Dermis)

ศูนย์กลางของความแข็งแรงและความยืดหยุ่น ผลิตคอลลาเจนและอีลาสติน

ริ้วรอยเล็กๆ, รูขุมขนกว้าง, ผิวขาดความแน่นและตึงกระชับ

3. ชั้นไขมัน (Hypodermis / Subcutis)

ให้ความอบอุ่น ลดแรงกระแทก และเป็นแหล่งพลังงาน

เซลลูไลท์, ใบหน้าอ้วน, เหนียงใต้คาง (เกิดจากไขมันสะสม)

ชั้น SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System)

ชั้นเนื้อเยื่อที่อยู่ลึกกว่าไขมัน เป็นชั้นกล้ามเนื้อที่ยึดผิวหน้าไว้

ผิวหย่อนคล้อยมาก, ร่องแก้มลึก, ร่องน้ำหมาก, กรอบหน้าไม่คมชัด

2. เปรียบเทียบเทคโนโลยียกกระชับ 5 ตัวท็อป: เจาะลึกถึงชั้นผิว


เครื่องมือยกกระชับผิวส่วนใหญ่จะใช้พลังงานความร้อน (45°C–70°C) เพื่อกระตุ้นการหดตัวของคอลลาเจนเดิมและสร้างคอลลาเจนใหม่ในระยะยาว สิ่งที่แตกต่างกันคือ ประเภทพลังงาน และ ความลึก ที่สามารถลงไปได้

เครื่องมือ (ยี่ห้อ)

เทคโนโลยีหลัก

ชั้นผิวที่ส่งผลลัพธ์

ระยะเวลาเห็นผล

ระยะเวลาที่ผลลัพธ์คงอยู่/ทำซ้ำ

Downtime

Thermage FLX

Monopolar RF

หนังกำพร้า, หนังแท้, ชั้นไขมัน

เห็นผล 20% ทันที, ชัดเจน 2–6 เดือน

1–2 ปี

ไม่มี/น้อยมาก

Oligio

Monopolar RF

หนังกำพร้า, หนังแท้, ชั้นไขมัน (ลึก 4.3 mm)

เห็นผลหลังทำต่อเนื่อง

6–12 เดือน  (ทำบ่อยกว่า)

ไม่มี/น้อยมาก

Ulthera SPT

Focused Ultrasound

ชั้น SMAS

ค่อยๆ ดีขึ้น เห็นผลชัดเจนในช่วง 2–3 เดือน

1–2 ปี

ไม่มี/น้อยมาก

HIFU Ultraformer III

Focused Ultrasound

ชั้น SMAS (เช่นเดียวกับ Ulthera)

ค่อยๆ เห็นผล (2–3 เดือน)

6–12 เดือน (ขึ้นอยู่กับเครื่องมือ)

ไม่มี/น้อยมาก

Sofwave

SUPERB™ Ultrasound

Mid-Dermis (หนังแท้ตอนกลาง)

เห็นผลเร็ว

6–12 เดือน (ทำบ่อยกว่า Ulthera)

ไม่มี/น้อยมาก

เทคโนโลยียกกระชับ 5 ตัวท็อป
เทคโนโลยียกกระชับ 5 ตัวท็อป

3. ข้อเท็จจริงที่ต้องรู้: แพงกว่าไม่ได้แปลว่าดีกว่า


3.1 ความเสี่ยงจากการใช้พลังงานเกิน (Burn Risk)

การทำหัตถการยกกระชับด้วยความร้อนทุกชนิด (RF หรือ Ultrasound) ต้องอาศัยความแม่นยำสูง การยิงช็อต (Shots) ที่มากเกินความจำเป็นหรือการตั้งค่าพลังงานที่ไม่เหมาะสมอาจก่อให้เกิดผลเสียร้ายแรงได้

  • ความเสี่ยงหลัก: การสะสมความร้อนที่มากเกินไปในชั้นผิวหนังอาจนำไปสู่การ เกิดรอยไหม้ (Skin Burn) หรือ ผิวหนังเสียหายอย่างถาวร ได้

  • ทางออก: การมีระบบ Real-time Visualization (เช่นใน Ulthera) ช่วยให้แพทย์มองเห็นชั้นผิวขณะยิงเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความแม่นยำในการส่งพลังงานสู่ชั้น SMAS


3.2 ความคุ้มค่าคือความเหมาะสม (The Right Tool for the Job)

การเลือกหัตถการที่ 'แพงกว่า' ไม่ได้แปลว่า 'ดีกว่า' เสมอไป เพราะหากเทคโนโลยีนั้นไม่ตรงกับปัญหาหลักของผิวคุณ ก็อาจเป็นการจ่ายเงินที่สูญเปล่า

  • ตัวอย่าง: หากปัญหาหลักของคุณคือ ผิวหย่อนคล้อยน้อยและมีไขมันสะสมเยอะ การเลือก Thermage FLX (RF ที่ช่วยสลายไขมัน) อาจให้ผลลัพธ์ที่ตรงจุดและคุ้มค่ากว่าการเลือก Ulthera (Ultrasound ที่เน้นยกกระชับชั้น SMAS)

  • ความเจ็บ: Oligio อาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า Thermage สำหรับคนที่กลัวเจ็บ แม้ว่าผลลัพธ์อาจจะอยู่ได้สั้นกว่า แต่หากมีเวลาเข้าคลินิกบ่อย ๆ ก็คุ้มค่า

4. บทสรุป: ปรึกษาแพทย์เพื่อความแม่นยำสูงสุด


เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและคุ้มค่าที่สุด แพทย์จะต้องประเมิน:

  1. สภาพผิวและความหย่อนคล้อยของคุณ: ปัญหาหลักเกิดที่ชั้นผิวใด (Dermis, ไขมัน, หรือ SMAS)

  2. ความหนาของชั้นไขมัน: เพื่อเลือกเทคโนโลยีที่สามารถส่งพลังงานผ่านชั้นไขมันไปถึงชั้นเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ

  3. เทคโนโลยีและปริมาณช็อตที่เหมาะสม: เพื่อไม่ให้เกิดการสะสมพลังงานที่มากเกินความจำเป็น


ที่ ADORA Clinic เราเน้นย้ำถึงการประเมินอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจเลือกทำหัตถการ เพื่อให้มั่นใจว่าทุกการลงทุนของคุณนำไปสู่ผลลัพธ์ที่สวยงาม ปลอดภัย และยั่งยืนที่สุดครับ


สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Line Official: @adora_clinic หรือโทร 080-8882656

ความคิดเห็น


bottom of page